วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รูป ไทเทเนียม และประวัติ


ThaiTaNium





ประวัติของแต่ละคน





เวย์ ชื่อจริง ปริญญา อินทชัยอายุ 28 ปี เกิด 10 ม.ค. 2524 ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกามีพี่ชื่อบาส
สัตว์ที่ชอบคือสุนัข สีที่ชอบเป็นสีเงินหรือสีน้ำเงิน งานอดิเรกคือเล่นกีฬาและฟังเพลง
อนาคตอยากเรียนให้จบมหาวิทยาลัย




Khan ชื่อจริงว่า ขันเงิน เนื้อนวล อายุ 33 ปี

เกิดวันเสาร์ที่ 4 กันยายน 2519 ปีมังกร ที่ประเทศไทย เลขที่ชอบคือเลข 9

ก็ได้ย้ายไปเรียน High School ที่ U.S.A San Fancisco ... ในปี 1995 มี Album

ในนาม ว่า Khan-T หลังจากนั้น ก็ บินกลับไป U.S.A NY. เพื่อตามหา

ฝันและได้กลับมาโชว์ผลงานในประเทศไทย ร่วมกับ Way

หรือ P•Cess และ Day หรือ SD ในนาม Thaitanium


พี่เดย์ ชื่อ จำรัส ทัศนละวาด อายุ 33 ปี เกิดวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2519 sd

เป็นชื่อที่รู้จักมากกว่าชื่อ sunnyday หรือ sunny crazy ในหมู่เพื่อนๆ

พี่เดย์เกิดวันที่ 25 กันยา ปีมังกร ( น่าจะเป็นปีมะโรง )พี่เดย์มีเชื้อสาย

พม่าไม่ใช่พม่าธรรมดานะครับพี่น้องเป็นเชื้อสายของกษัตริย์พม่า

เลยเเหละชื่อพม่าพี่เดย์ชื่อเดเมียว เท็นจ์ ถ้าพิมพ์ผิดอย่าว่ากันนะอยู่มาแล้วทั้ง

ทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกของ NY จนถึง Frisco ตอนนี้อยู่ที่ NYC พี่เดย์

เจอกับพี่ขันตอนเรียนไฮสคูล และก้อเป็นเพื่อนกัน เมื่อพี่ขันกลับมา

เมืองไทยเพื่อทำงานดนตรี พี่เดย์ ก้อเริ่มจับงานดนตรีที่อเมริกา

โดยทำงานกับศิลปินฮิปฮอปอันเดอร์กราว และทำงานหนักเพื่อสิ่งที่ต้องการ

เมื่อปี 2000 พี่ขันกลับมาจากเมืองไทยพร้อมพี่เวย์ พี่เวย์กับพี่เดย์ก้อคลิกกันได้

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของไทเทเนียม อย่างที่ everybody know

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

thaitanium ไทเทเนียม ประวัติของไทเทเนียม

ประวัติวงไทเทเนียม

ถ้าย้อนไทยเทเนียมกลับไปเมื่อตอนเป็นนักร้องใหม่ๆ เราก็คงไม่ต่างจากพวกเขา เพราะเราผ่านการอยู่ค่ายเพลงต่างๆมาเหมือนกัน ซึ่งมันมีขั้นตอนการทำงานที่ตีกรอบไว้ ไม่ให้เป็นตัวเราเองทั้งหมด เหมือนกันเก็บเกี่ยวประสบการณ์พอถึงจุดหนึ่ง แล้ววเราก็คิดแล้วว่า เราต้องลองล้มลุกคลุกคลานเพื่อจับทางของเราเอง คือไม่ต้องกลัวว่าจะไปเสียเงินตรงนั้นไป ลองทำในสิ่งที่เองอยากทำจริงๆ เราก็สรุปไม่ได้ว่า ทุกคนต้องทำอย่างเรา เพราะแต่ละคนก็มี background แตกต่างกัน บางคนอาจต้องใช้เงินเพื่อสิ่งจำเป็น แต่สำหรับพวกเรา ถ้างานมันไม่ใช่จริงๆ เราก็ไม่อยากฝืน สู้ดิ้นออกมาหาอะไรที่ใช่ดีกว่า เราจะไม่เอาเรื่องเงินมาเป็นตัว control ก็เลยอดกันหัวโต (555) พูดจริงๆนะ ตอนอยู่อเมริกาเรากินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ่อยมาก อดมื้อกินมื้อ แต่เราไม่ขอเงินพ่อแม่ คงเพราะรู้สึกว่าเราโตแล้ว ละอายใจถ้าต้องขอ เพราะเราเลือกเส้นทางนี้เอง เด็กที่โตอยู่ต่างประเทศจะมีความรับผิดชอบมากกว่าเด็กในเมืองไทย เขาจะเริ่มทำงานพิเศษกันตั้งแต่อายุ 15 หาเงินใช้กันเอง เดย์กะเวย์ยังไปทำงานพิเศษล้างจานเลย แต่ขันไม่ทำเพราะต้องทำเพลงให้เสร็จ

ขันและเดย์ถือสัญชาติไทยโดยกำเนิด ขันเกิดที่กรุงเทพฯ เดย์เกิดที่เชียงใหม่ ในขณะที่สมาชิกคนที่สามผู้มีอายุน้อยที่สุดในกลุ่ม คือเวย์ เกิดและโตในตัวเมืองนิวยอร์กส่วนผสมจากถิ่นกำเนิดอันแตกต่างนี้สามารถเห็นได้ในงานเพลงที่ผ่านๆมา ขันและเดย์รู้จักและสนิทกันในขณะที่ไปศึกษาต่อ ทั้งสองมีใจรักดนตรีเหมือนกัน พวกเขาค้นพบตัวเองและมุ่งมั่นตามฝันที่จะเป็นนักดนตรีอาชีพ โชคชะตาได้พาทั้งสองมาเป็นคู่หู DJ/MC ซึ่งจัดรายการให้กับงานปาร์ตี้สังสรรค์ทั้งหลาย (Jump-Off House Party) ในย่าน Hip-Hop ที่ซานฟรานซิสโก หลังจากเรียนจบขันมีแรงดลใจให้กลับมายังถิ่นกำเนิดเพื่อเผยแพร่ความสวยงามและพลังในดนตรี Hip-Hop ที่เขารักให้เพื่อนชาวไทยได้เห็น ในฐานะศิลปินผู้ประสบความสำเร็จกับหลายๆอัลบั้มที่ได้ออกสู่สาธารณชนนี้เอง ขันได้ทำความรู้จักกับศิลปินดาวรุ่งหนุ่มผู้กำลังสร้างชื่อในวงการเพลงไทยอย่างเวย์ หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาที่เป็นเสมือนพี่น้องก็ได้กลับไปหยั่งรากฐานใน New York ถิ่นกำเนิดแห่งเพลงแรพอันเป็นที่รัก ดังนั้นในปี 2000 ที่ New York นี้เอง ไทยเทเนียมจึงได้ถือกำเนิดขึ้น 2 อัลบั้มแรกของพวกเขาคือ “AA” และ “Thai Riders” 2 อัลบั้มถัดมาคือ “P77” และ “R.A.S.” นอกจากงานอัลบั้มของวง สมาชิกแต่ละคนของไทเทเนียมก็มีงานอิสระทำอีกหลายอย่างแตกต่างกันไป อันได้แก่ งานแสดง งานเดินแบบ งานหนังสือ และงานภาพยนตร์ นอกจากนั้นพวกเขายังร่วมงานกับศิลปินมากมายอาทิ JROC, Djaybuddah, Big Caribou เป็นต้น GMM Grammy ในนาม “สนามหลวง” ค่ายแนวหน้าแห่งวงการบันเทิงไทยได้จับมือร่วมงานกับไทยเทเนียม และ Thaitanium Ent. Inc ในผลงานชุดล่าสุด คือ Thailand's Most Wanted ไทยเทเนี่ยมได้ร่วมร้องกับนักร้องสาว ทาทา ยังในเพลง "Dangerous" ในปี 2005 และไทยเทเนี่ยมยังได้ร่วมแสดงเพลง "No Worries (Remix)/ทะลึ่ง" ร่วมกับไซมอน เว็บบ์ ในงานเอ็มทีวี เอเชีย อวอร์ดสที่จัดที่กรุงเทพในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 อีกด้วย

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ไทเทเนียม thaitanium กว่าจะดัง "ไทเทเนียม" เผยในอดีตโดนหลอกมาสารพัด


กว่าจะดัง "ไทเทเนียม" เผยในอดีตโดนหลอกมาสารพัด

"ไทเทเนียม" เปิดใจเด็กรุ่นใหม่เข้าใจฮิบฮอปมากขึ้น แนะให้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทำตามวงตน ยอมรับฮิบฮอปไทยโกอินเตอร์ยาก เพราะอุปสรรคเรื่องภาษา เผยอดีตเคยถูกหลอกมาแล้วสารพัด แต่ตอนนี้มั่นใจประสบการณ์เหนียวเคี้ยวยาก
"วงไทเทเนียม" กลุ่มศิลปินฮิบฮอปที่โด่งดังที่สุดในเมืองไทยขนาดนี้ ออกมาเปิดใจถึงความรู้สึกที่มีต่อวงการเพลงฮิบฮอปในบ้านเราว่า เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจมีข้อมูลให้ศึกษามากขึ้น แต่ยังไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองสักเท่าไร ขัน "สมัยนี้เข้าใจมากขึ้นเยอะครับ เด็กรุ่นใหม่เขามีอินเตอร์เนทน่ะครับ ไม่ต้องไปคอยฟังคนอื่นมาบอกว่า คนนี้เจ๋ง หรือว่าวงนี้มีขายในเมืองไทย แล้ววงอื่นไม่เคยได้ยินอะไรอย่างนี้ สมมุติเรามีศิลปินในดวงใจ แล้วเราไปอ่านในอินเตอร์เนทว่า เขามีประวัติอย่างนี้ โตขึ้นมาแล้วฟังวงนี้ เด็กเขาก็ไปหาฟังได้ ถ้าเป็นสมัยก่อนไม่มีทาง ถ้าไม่มีขายในเมืองไทยก็จบ ถ้าเพื่อนไม่เอามาให้จากเมืองนอกก็จบ การเรียนรู้มันแตกต่างกันเยอะครับ เพราฉะนั้นเด็กสมัยนี้จะรู้จริงและรู้ลึกมากกว่า สนใจอะไรก็ไปหาในอินเตอร์เนทได้ คือโชคดีกว่า" เวย์ "แต่เมืองไทยมันเพิ่งเริ่มมาประมาณ 5-6 ปีเอง ก็คงต้องไปศึกษาหาข้อมูล ต้องศึกษาให้รู้มากขึ้นกว่านี้ครับ" เดย์ "ผมว่าเด็กรุ่นใหม่เขายังไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองน่ะครับ ผมก็เชื่อว่าบางวงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็พยายามจะร้องเพลงภาษาอังกฤษให้ได้"
ขัน "จริงๆ มันไม่ต้อง ทำกันอย่างพอเพียงครับ แร็พไทยก็ได้ ทำในสิ่งที่ตัวเองรู้ดีที่สุด ไม่จำเป็นจะต้องมาเป็นในสิ่งที่ไม่ได้เป็นน่ะครับ นี่คือสิ่งที่สำคัญ เวลาเราดูศิลปินคนใหม่ๆ ที่เราอยากทำงานด้วย เราจะดูว่าเขาเป็นตัวของตัวเองขนาดไหน คือไม่จำเป็นจะต้องมาร้องแบบไทเทเนียม ถึงจะคิดว่าเขาเป็นฮิปฮอปอะไรแบบนั้น ต้องมีสไตล์ของตัวเอง อันนี้มันขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ เพราะผมบอกไม่ได้ว่าถ้าอยู่เมืองไทยแล้วมันจะคิดได้หรือไม่ได้ ถ้าเห็นคนที่ทำได้ ดูทางอินเตอร์เนท แล้วเขารู้จริงๆ มันก็มี กับเด็กที่ดูเหมือนว่าจะรู้ แต่มันไม่รู้อะไรเลยก็มี มันมีทั้งสองแบบครับ" ยอมรับ "ไทเทเนียม" กรุยทางโกอินเตอร์ให้วงรุ่นน้อง แต่ยากที่จะดังในต่างแดน เพราะปัญหาเรื่องการยอมรับและภาษาที่ใช้ ขัน "สำหรับในต่างประเทศ ถ้าแค่รู้จักเขาก็คงรู้จักได้นะครับ แต่เขาชอบหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราถือว่าก็ได้เปิดทางครับ เพลงของเราคอนเทนท์การร้องอาจจะเป็นภาษาไทยครับ แต่ด้านดนตรีเรารู้สึกว่าเราก็ไม่ได้แพ้ใคร เพราะเราไปทำงานที่เมืองนอกมา เราก็ได้เห็นว่ามันก็คนเก่งและไม่เก่ง ถามว่าเราเก่งที่สุดหรือเปล่า เราก็ไม่เก่งที่สุด แต่ถามว่าเราแพ้เขาไหม เราก็ไม่แพ้เขา แต่แววตอนนี้เท่าที่เห็นว่าจะมีใครไปดังเมืองนอกได้ ก็ยังไม่เห็นนะครับ แต่มันอาจจะมีก็ได้นะครับ" "ถ้าดังในเอเซียนี่มีสิทธิ์ครับ ไม่ยากเท่าไร ไม่ยากเกินเอื้อม แต่ถ้าอเมริกานี่มันจะเป็นวงของเขาน่ะครับ เหมือนกับเราจะเอาทีมบาสเกตบอลของเราไปแข่งกับทีมเอ็นบีเอ แล้วชนะ มันค่อนข้างไกลมากนะครับ เพราะเขาเป็นเหมือนกับเจ้าของเลย แต่ถ้าเราเล่นบาสอยู่แถวเอเซีย เราก็ยังมีสิทธิ์ชนะทีมของเอเซียได้" "เอาเป็นว่าเราไม่แพ้ เพื่อนบ้านเราดีกว่า แต่ที่นู่นมันคือ เขาโตมากับภาษาอังกฤษ ซึ่งสำหรับวงเราเอง ผมพุดได้ว่าก็มีเวย์คนเดียวทีโตมากับภาษาอังกฤษ ส่วนผมกับเดย์นี่ภาษาไทยจะแข็งแรงกว่าด้วยซ้ำ ฉะนั้นเราไม่ได้เกิดมาตรงนั้น ถ้าเป็นดนตรีนี่โอเค พอสู้ได้ แต่ถ้าไปถึงการเป็นศิลปินนี่ ไม่แน่ เพาะภาษาไทยเราแตกฉาน ซึ่งเพลงไทยนั้นมันเอาปรับเป็นภาษาอังกฤษยากนิดนึง"
"แต่เราก็ยังทำมาอยู่ดี แต่ทำสู้แถวเพื่อนบ้านเราก่อน วึ่งเราก็มีสิทธิ์เพราะที่อเมริกาเขาก็มีเพลงที่มันไม่ได้เรื่องเยอะเหมือนกันน่ะครับ เราก็เลยคิดว่า ถ้าทำเพลงเต้นรำ มีสิทธิ์ดังได้ ไม่ยาก แต่ถ้าทำเพลงที่มีความหมายและเป็นสิ่งที่เราชอบจริงๆ คือดนตรีฮิบฮอปนี่คงยาก เพราะว่ามันมีคนที่เก่งๆ อีกเยอะ แต่ถ้าเอาแค่เต้นรำๆ ผมว่าไม่ยาก" บอกไปทำงานต่างแดนเพื่อเก็บประสบการณ์ เผยอยู่เมืองนอกเหมือนกลับไปเริ่มที่ศูนย์ตลอดเวลา ขัน"จริงๆ มันก็คือเก็บเกี่ยวประสบการณ์น่ะครับ ที่นั่นมันมีแรงบันดาลใจเยอะ มีการแข่งขันสูง เวลาเรากลับไปทีไร ก็เหมือนว่าเราตั้งนาฬิกากลับไปที่ศูนย์ตลอด เหมือนกับว่าเราต้องเริ่มโตใหม่ เริ่มศึกษา เริ่มทำอะไร พอเรากลับไปเราไม่มีความหมายกับใครเลย เราก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง พออยู่ที่นี่เรารู้สึกว่ามันสบาย ไม่มีความคิดสร้างสรรค์น่ะครับ เพราะว่าแถวนี้มันไม่ค่อยมีใครจะมาแข่งกับเราเท่าไหร่น่ะครับ"
"สองก็คือ อยู่ที่นู่น มันจะมีสมาธิมากกว่า ทุกคนจะอยู่บ้านเดียวกัน แต่ที่นี่เวลาจะทำเพลงๆ นึงก็ต้องนัดกันมา ว่างไหม มีเวลากี่ชั่วโมงๆ แต่อยู่ที่นู่นคืออยู่บ้านเดียวกัน ยังไงก็ต้องเดินผ่านกัน มันมีสมาธิในการทำมากกว่า" เผยในอดีตเคยโดนหลอกมาสารพัด แต่ลั่นปัจจุบันไม่มีใครต้มได้อีกต่อไปแล้ว
ขัน "ก็มาไกลนะครับ ได้อยู่มาหลายค่าย ได้อยู่มาหลายรูปแบบ ได้เรียนรู้จนเอามาใช้เองได้ คือหลอกเรายากแล้วครับตอนนี้ (หัวเราะ) โดนหลอกมาสารพัดแล้วครับ"
"เหมือนกับเราไม่รู้ตาม้าตาเรือ คือมันก็ไม่มีใครมาหลอกเราหรอกครับ มันคงไม่มีใครมาหลอกให้เราเซ็นสัญญาได้ เพราะไม่มีใครมาจับมือให้เราเซ็นต์ ถ้าเราเซ็นต์สัญญานั้นไป แสดงว่าเราโง่โดนหลอกเอง คือเรารู้ไม่เท่าทัน แต่มันก็เป็นบทเรียนซึ่งสอนให้เรามาทำเอง ทำบริษัทเอง ซึ่งเรารู้ตื้นลึกหนาบางของการทำมิวสิคบิสซิเนส กว่าจะได้มามันก็ต้องเรียนยากๆ หน่อย แต่ถ้ามันได้แล้ว คราวนี้เราก็รู้จริงๆ ว่าควรจะต้องทำอย่างไรต่อ" ยอมรับที่ศิลปินอื่นอยากร่วมงานด้วย เพราะวางแผนการทำงานไม่เหมือนใคร
ขัน "ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะ แต่การวางแผนของเรามันเป็นแผนที่แปลกประหลาดครับ คือถ้าคนที่ไม่อยู่ในมิวสิคบิสซิเนสนั้นคงสนใจเราเพราะอาจจะมาจากเพลง หรือไม่ก็อาจจะมาจากสิ่งที่เราพรีเซนต์ไปทั้งหลาย ความแปลกของเรา แต่ถ้าคนที่อยู่ในมิวสิคบิสซิเนสเขาจะรู้ว่า เรารู้เรื่องบิสซิเนสได้ดีมาก แล้วทุกอย่างที่เราทำเป็นบิสซิเนสใหม่ ที่ไม่ค่อยมีใครทำทั้งนั้น คือวิธีคิดเราแปลก เขาคงสนใจในด้านนั้นนะครับ" เวย์ "ไม่รู้สิครับ เวลาเราฟังเพลงแนวอื่น เราจะรู้สึกได้ว่า กู๊ดมิวสิคก็คือกู๊ดมิวสิคน่ะครับ แล้วเราก็ชอบ เพลงใครเพราะเราก็ฟัง"
ข้อมูลจาก: ผู้จัดการออนไลน์